เวียดนาม

ข้อมูลทั่วไป : ประเทศเวียดนาม มีชื่อ อย่างเป็นทางการว่าสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam)

อาณาเขต เวียดนามมีพื้นที่ประมาณ 327,500 ตารางกิโลเมตร ความยาวจาก เหนือจรดใต้ 1,650 กิโลเมตร ขนานไปตามแนวยาวของคาบสมุทรอินโดจีน นอกจากนี้ยังมีไหล่เขาและหมู่เกาะต่างๆ อีกนับพันเกาะเรียงรายตั้งแต่อ่าวตังเกี๋ยไป จนถึงอ่าวไทย ทิศเหนือ ติดกับ ประเทศจีน ทิศใต้ ติดกับทะเลจีนใต้ทิศตะวันออก ติดกับอ่าวตังเกี๋ยและทะเลจีนใต้ ทิศตะวันตก ติดกับอ่าวไทย ประเทศกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

เมืองหลวง คือ ฮานอย ตั้งอยู่ทางภาคเหนือ เป็นเมืองศูนย์กลางด้านการค้า และอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีเมืองสำคัญต่างๆ ดังนี้ 0โฮจิมินห์ซิตี้ (ไซ่ง่อน)0 ตั้งอยู่ทางภาคใต้ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์ กลางทางการค้าด้วย 0ไฮฟอง0 เป็นเมืองท่าอยู่ทางชายฝั่งตอนเหนือใกล้เมืองฮานอย 0ดานัง0 เป็นเมืองท่าและเป็นเมืองด้านการท่องเที่ยว ติดทะเลจีนใต้อยู่ทางภาค กลางของเวียตนาม เว้ เป็นเมืองประวัติศาสตร์ใกล้เมืองดานัง พื้นที่ เวียตนามมีพื้นที่ 327,500 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 81.4 ล้านคน 0ศาสนา0 ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ประมาณ90% นับถือศาสนา คริสต์ ประมาณ 7% และที่เหนือนับถือศาสนาอื่นๆ อีก 3%

สกุลเงิน สกุลเงินของเวียตนามคือ ดอง0 อัตราแลกเปลี่ยน 420-460 ดอง ต่อ 1 บาท

การขอวีซ่า : นักท่องเที่ยวที่ถือหนังสือเดินทางประเทศไทย ไม่จำเป็น ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศเวียดนามอีกนะคะ และสามารถอยู่ในเวียดนาม ได้สูงสุดนานถึง 30วันเลยในกรณีที่นักท่องเที่ยวถือหนังสือ เดินทางต่างชาติ หนังสือเดินทางที่มีวันหมดอายุไม่ตํ่ากว่า 6 เดือนนับจากวันที่เดินทางเท่านั้นนะคะ ถึงจะใช้ได้

ภาษาที่ใช้: โดยทั่วไปแล้ว ชาวเวียดนามใช้ภาษาเวียดนามกันใน ชีวิตประจำวัน และใช้ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และ จีน ในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ

สภาพอากาศ : เนื่องจากประเทศเวียดนามมีลักษณะภูมิประเทศเป็นแบบคาบสมุทร ซึ่งมีระยะทางจากภาคเหนือจรดภาคใต้ที่ยาวมาก และมีระดับความสูงตํ่าของพื้นที่ที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ เวียดนาม มีสภาพอากาศที่หลากหลาย โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยราว 22 องศาเซลเซียส ลักษณะภูมิอากาศของประเทศ อาจแบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ที่กรุงฮานอย และ บริเวณตอนเหนือของเวียดนาม แบ่งลักษณะภูมิอากาศได้เป็น 4 ฤดู: ในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นช่วงฤดูหนาว มีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 7-20 องศาเซลเซียส และจะหนาวที่สุดใน
เดือนมกราคม ถัดจากนั้นเป็นฤดูใบไม้ผลิ เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน บริเวณนี้ จะมีฝนตกเล็กน้อยและชุ่มชื้น อุณหภูมิประมาณ 17-23 องศาเซลเซียส ต่อมาคือฤดูร้อน อยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม สภาพอากาศร้อนและมีฝน อุณหภูมิ 30-39 องศาเซลเซียส และสุดท้าย ฤดูใบไม้ร่วง คือช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน อุณหภูมิประมาณ 23-28 องศาเซลเซียสภาคกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง และมีสภาพอากาศแปรเปลี่ยนค่อนข้างมาก ลักษณะภูมิอากาศของพื้นที่ภาคกลางแบ่งออกได้เป็น 2 ฤดู: ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม อุณหภูมิอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียสในระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ส่วนฤดูแล้ง (เดือนตุลาคม-เมษายน) มีอุณหภูมิเกือบ 20 องศาเซลเซียส โดยในเดือนมกราคม เป็นเดือนที่มีอากาศเย็นที่สุดภาคใต้ของเวียดนาม มีอากาศร้อน และ อุณหภูมิค่อนข้างคงที่ คือ ประมาณ 27 องศาเซลเซียส สามารถแบ่งลักษณะภูมิอากาศออกได้เป็น 3 ฤดู: ฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม) ฤดูแล้ง(เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) และ ฤดูร้อน (เดือนมีนาคม-เมษายน) ค่าเงิน และการธนาคาร: เวียดนามใช้เงินสกุลที่เรียกว่า ด่อง (VND)โดย 420-460 ด่อง มีค่าเท่ากับเงินบาทประมาณ 1 บาท

ระบบไฟฟ้า : ประเทศเวียดนามใช้กระแสไฟฟ้า 220โวลต์ 50เฮิร์ต เช่นเดียวกับที่เมืองไทย

ระบบโทรศัพท์: รหัสโทรศัพท์ของประเทศเวียดนามคือ +84 ค่ะ หากท่านต้องการโทรตรงระหว่างประเทศเวียดนาม ให้ตัด 00+รหัสประเทศ+รหัสเมือง +หมายเลขโทรศัพท์ ได้เลย โดยท่านสามารถสอบถามเพิ่มเติมจากทางที่พักในเวียดนามของท่านได้

การเดินทาง : การเดินทางโดยทางเครื่องบิน เพื่อเข้าสู่ประเทศเวียดนาม นับเป็นวิธีที่สะดวกสบายที่สุดเวียดนามมีท่าอากาศยานนานาชาติที่สำคัญ 3 แห่ง คือ ท่าอากาศยานนานาชาติโนยบ่าย (Noi Bai)ในกรุงฮานอย ท่าอากาศยานนานาชาติเติ่นเซินเญิ๊ต (Tan Son Nhat)นครโฮจิมินห์ และท่าอากาศยานนานาชาติดานัง (Danang)นครดานังท่านสามารถเดินทางคมนาคมระหว่างเมืองต่างๆของ เวียดนาม ได้ 3 เส้นทาง คือ ทางบก ทางเรือ และทางอากาศ โดยในทุกภูมิภาคของประเทศ ล้วนมีเมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เช่น ภาคเหนือ มีเมืองฮานอย ภาคกลาง มีเมืองเว้ ส่วนภาคใต้ ก็มีเมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ ซึ่งการคมนาคมระหว่างเมืองเหล่านี้เป็นไปอย่างสะดวกสบาย สำหรับการเดินทางภายในตัวเมืองต่างๆ ก็จัดว่าค่อนข้างสะดวกเพราะมีรถโดยสารประจำทางอยู่ทั่วไป และค่าโดยสารก็ไม่แพงนัก

อาหารท้องถิ่น : ใครได้ไปเที่ยวเวียดนาม ต้องไม่พลาดไปลองชิมอาหารประจำชาติ และ อาหารขึ้นชื่อของเขาจากร้านอาหารทั่วไป หรือ ภัตตาคารของโรงแรมในเวียดนามกันให้ได้ เช่น เฝอ - อาหารประจำชาติ แหนมเนือง ปอเปี๊ยะทอด หมูยอ เนื้อย่าง ฯลฯ สำหรับมื้อเช้า ถ้าท่านต้องการทานอาหารเช้าสไตล์พื้นเมือง ขอแนะนำให้ลอง ขนมจีนหมูยอ ดูหรือจะเป็น ขนมปังฝรั่งเศส ที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศส ก็ทั้งอิ่ม ทั้งสบายกระเป๋าอีกด้วย
วัฒนธรรมเวียตนามมีการผสมผสานด้านวัฒนธรรม จากหลายชนชาติ เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 432 เวียตนามได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลจากจักรพรรดิจีนนาน กว่าพันปี ดังนั้น สิ่งก่อสร้าง อาหารการกิน จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับวัฒนธรรมของจีนมาก และยังมีความหลากหลายของผู้คนของชาวเขาหลาก หลายชนเผ่าทางภาคเหนือของเวียตนาม และเมื่อสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครอง เวียตนามก็ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฝรั่งเศสด้วย ได้แก่ ตึกที่อยู่ อาศัยที่ดูทันสมัย เป็นตึกสีเหลืองสไตล์โคโลเนียล
ที่มีให้พบเห็นมากมาย ดังนั้นวัฒนธรรมต่างๆ ของเวียตนามจึงมีการผสมผสานกันเป็นอย่างมาก ทั้งด้านที่อยู่อาศัย เทศกาล อาหาร เป็นต้น
เทศกาลเต็ด (Tet) โดยปกติแล้ว ชาวเวียตนามจะเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ อย่างน้อย 3-7 วัน ติดต่อกัน โดยมีเทศกาลทางศาสนาที่สำคัญที่สุด คือ “เต็ดเหวียนดาน” (Tet Nguyen Dan) มีความหมายว่าเทศกาลแห่งรุ่งอรุณแรกของปี ที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า เทศกาลเต็ด เทสกาลจะเริ่ม ต้นขึ้น 1 สัปดาห์ก่อนจะมีวันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติ คือ ระหว่างปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ในวันขึ้น 15 คํ่า ของวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ไกล เส้น ศูนย์สูตรมากที่สุดในฤดูหนาว กับวันที่กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน ในฤดูใบไม้ผลิ เทศกาลนี้เป็นการเฉลิมฉลองในภาพรวมทั้งหมดของความเชื่อใน เทพเจ้า ลัทธิเต๋า ขงจื๊อ และศาสนาพุทธ รวมถึงการเคารพบรรพบุรุษ 0เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง0 สำหรับเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง นับตามจันทรคติตรงกับวันขึ้น 15 คํ่า เดือน 8 ของทุกปี ชาวบ้านจัดประกวด “ขนม บันตรังทู” หรือ ขนมเปี๊ยะโก๋ญวน0 ทีมีรูปร่างกลม มีไส้ถั่วและไส้ผลไม้ พร้อมทั้งจัดขบวนแห่เชิดมังกร เพื่อแสดงความเคารพต่อพระจันทร์ ซึ่งในบาง หมู่บ้านอาจประดับโคมไฟพร้อมทั้งจัดงานขับร้องเพลงพื้นบ้าน 0เวลาทำการของขององค์กรรัฐและเอกชน
• หน่วยงานราชการ สำนักงาน และองค์กรให้บริการสาธารณสุข 8.00 – 16.30 น. ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ - วันศุกร์ พิพิธภัณฑ์จะเปิดให้ บริการวันเสาร์อีกครึ่งวัน
• ร้านค้าเอกชนทั่วไปให้บริการระหว่าง 6.00 – 18.30 น.
• ธนาคารพาณิชย์ ให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ ระหว่างเวลา 8.00 – 16.00 น. (หยุดพักเวลา 12.00 – 13.00 น.)
• สำนักงานไปรษณีย์โทรเลข ให้บริการ ตั้งแต่ 7.00 – 20.00 น.
• โรงงานอุตสาหกรรม ทำงานวันจันทร์ – วันศุกร์ และวันเสาร์อีกครึ่งวัน โดยเวลาทำงานรวมไม่เกิน 48 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ หากเกินจากนี้ต้องจ่าย ค่าล่วงเวลา สำหรับวันหยุดประจำสัปดาห์ต้องจ่ายค่าจ้างเพิ่ม 2 เท่า และวันหยุดนักขัตฤกษ์จ่ายเพิ่ม 3 เท่า
ไม่มีรายการสินค้าในหมวดหมู่ที่เลือก.